วิตามินอีเป็นตัวที่ช่วยในการทำงานระบบต่างๆในร่างกาย หลายระบบ และเป็นแอนติออกซิเดนท์ที่ช่วยให้เซลล์ต่างๆรอดอันตรายจากท๊อกซิน ช่วยในการชะลอความแก่ได้ ประโยชน์ของวิตามินอี เป็นแอนติออกซิเดนท์ คือทำให้เกิดการเผาผลาญออกซิเจน เป็นตัวช่วยไขกระดูกในการสร้างเลือด บำรุงตับทำหน้าที่เกี่ยวกับเลือดมาก ช่วยระบบสืบพันธ์ เซลล์ประสาท และกล้ามเนื้อให้ทำงานได้ ช่วยให้ผิวพรรณสดใสและช่วยสมานแผลให้แผลหายเร็วขึ้น ช่วยให้ปอดทำงานได้ดีขึ้นและไม่อ่อนเพลียง่าย

บทบาทของวิตามินอี

วิตามินอีกับการดูแลผิวพรรณวิตามินอีสามารถช่วยให้เซลล์ผิวทนต่อรังสี UVB ในแสงแดดได้ดีขึ้น จากการศึกษาโดยสมาคมค้นคว้าโรคผิวหนังประเทศเยอรมัน โดยการให้อาสาสมัครรับประทานวิตามินอี 1,000 หน่วยสากล ทานร่วมกับวิตามินซี 2,000 มิลลิกรัม ทุกวันติดต่อกัน 3 เดือน พบว่าเซลล์ผิวหนังทนต่อการถูกทำลายได้มากขึ้นเท่าตัว ดังนั้นหากรับประทานวิตามินอีในปริมาณที่พอเหมาะจะช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง

วิตามินอีกับการปกป้องหัวใจวิตามินอีช่วยป้ิองกันการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจและป้องกันการเกาะตัวของเกร็ดเลือด ทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิตามินกับโรคมะเร็ง จากการวิจัยพบว่า วิตามินอีสามารถป้องกันมิให้ไนโตรซามีน(ซึ่งเป็นสารก่อให้เกิดมะเร็งที่มากับการรับประทานอาหาร)มาทำลายเซลล์ในร่างกาย และยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายอีกด้วย จากการวิจัยยังพลอีกว่า การรับประทานวิตามินในขนาดสูง สามารถลดอันตรายจากการเกิดโตคมะเร็งที่ต่อมลูกหมากและมะเร็งเต้านม

วิตามินอีกับการปกป้องสมอง วิตามินอีช่วยป้องกันความผิดปกติของระบบประสาทเนื่องจากวิตามินอีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน จคงสามารถผ่านเข้าไปที่เซลล์สมองได้ จากการวิจัยพบว่าการรับวิตามินอีในขนาดปานกลางประมาณ 200-500 หน่วยสากล จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโคคพาร์กินสันได้ และการรับประทานวิตามินอีในขนาดสูงปริมาณ 2,000 หน่วยสากล ยังสามารถป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของเซลล์ในสมองทีทำงานเกี่ยวกับหน่วยความจำ ทำให้สามารถป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ